นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย แถลงถึงท่าทีและสถานการณ์ทางการเมืองหลังประกาศจุดยืนว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย แถลงถึงท่าทีและสถานการณ์ทางการเมืองหลังประกาศจุดยืนว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเหตุผลที่ตัดสินใจนั้นเพราะมองว่าสำคัญที่สุดคือจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ

20 พ.ค.62- นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย แถลงถึงท่าทีและสถานการณ์ทางการเมืองหลังประกาศจุดยืนว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีว่า เหตุผลที่ตัดสินใจนั้นเพราะมองว่าสำคัญที่สุดคือจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ วันนี้ทุกคนมองว่าพรรคเล็กโดยเฉพาะ 11 พรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญ เพราะสนับสนุนใครก็มีโอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาล และมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีสูง การตัดสินใจของ 11 พรรคเล็กครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่า โอกาสทีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกฯ นั้นค่อนข้างชัดเจน แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ต้องเป็น

“วันนี้ประชาชนมองออกตั้งแต่ต้นแล้วว่าการเมืองมีเพียงแค่ 2 ขั้ว คือขั้วที่เป็นรัฐบาลกับขั้วที่เป็นฝ่ายค้านเท่านั้น การที่บอกว่ามีขั้วที่ 3 นั้น ถ้ามีก็เป็นขั้วที่ล้มรัฐบาลเท่านั้นเอง คนที่ต่อว่าพวกผมก็คือคนที่ต้องการให้พวกผมไปสนับสนุนเขา ทั้งๆ ที่ตอนเลือกตั้งพวกเขาเองก็ไม่เคยเลือกพวกผม เป็นเรื่องแปลกที่แต่ละพรรคพยายามชักชวน 11 พพรรคเล็กให้ไปอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่ที่ผ่านมาพยายามยื่นร้องต่างๆ เพื่อไม่ให้พวกผมได้เป็นผู้แทนฯ อ้างว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ ทั้งที่กติกามันก็มีอยู่แล้ว กลายเป็นว่าพวกผมเป็นคนเลว แต่ถ้าลองว่าพวกผมไปอยู่อีกขั้วก็จะกลายเป็นคนดีทันที แบบนี้มันไม่ถูกต้อง”

 

ถามว่า 11 พรรคเล็กควรจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า เราไม่เอามาเป็นเงื่อนไขในการเจรจาต่อรอง แต่จะเอานโยบายของแต่ละพรรคเพื่อให้ได้มีโอกาสนำไปสนองต่อประชาชน โดยเฉพาะตนนั้นจะเน้นเรื่องของการฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย ส่วนรัฐบาลควรให้โควต้ารัฐมนตรีกับพรรคไหนใน 11 พรรคเล็กยังไม่มีการพูดถึง แต่เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐคงไม่ต้องการให้เกิดการแตกแยก จึงให้หัวหน้าของแต่ละพรรคเสนอความสามารถของแต่ละคนออกมา ซึ่งตรงนี้ตนมองว่าแฟร์ เพราะถ้าหากบอกให้ใครเป็นรัฐมนตรีคงแตกกันหมดแล้ว วันนี้จึงต้องการเพียงแค่ให้เอานโยบายของพวกตนไปดำเนินการเท่านั้นเอง

 

กรณีที่มีกระแสข่าวความขัดแย้งในเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีใน 11 พรรคเล็กนั้น นายพิเชษฐกล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ยิน คงต้องแล้วแต่รัฐบาลว่าจะพิจารณาว่าใน 11 คนนั้น ใครที่มีความเหมาะสม ส่วนการเลือกประธานสภาฯ 11 พรรคเล็กจะลงคะแนนไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว เมื่อเราอยู่กับรัฐบาลเรื่องการแหกโผนั้นคงไม่มี วันนี้เราต้องการให้มีรัฐบาลโดยเร็วเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและการลงทุนจากต่างประเทศกลับคืนมา คำว่าสืบทอดอำนาจนั้นเป็นเพียงแค่วาทกรรมที่ใช้ทำร้ายกันและกัน แต่สิ่งที่ตนทำนั้นก็เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้

Related posts